ดร.พงศ์ไท ไทโยธิน รองเลขาธิการสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าสำคัญในการประชุม คณะผู้เชี่ยวชาญด้านมาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืชและมาตรฐานอาหาร (SPS Expert Group) ครั้งที่ 21 ภายใต้กรอบความตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย (TAFTA) ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดขึ้น ณ กรุงเทพมหานคร โดยมีผู้แทนระดับสูงจากทั้งสองประเทศเข้าร่วมหารืออย่างพร้อมเพรียง
การประชุมครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อขับเคลื่อนความร่วมมือด้านมาตรฐานสินค้าเกษตร และส่งเสริมการเปิดตลาดสินค้าเกษตรของไทยสู่ประเทศออสเตรเลียอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะในประเด็นการ ขยายขอบเขตการส่งออกเนื้อเป็ดปรุงสุก จากไทย ได้แก่ ไขมันเป็ด เป็ดติดกระดูก และเครื่องในเป็ด ซึ่งเป็นการต่อยอดจากความสำเร็จในการเปิดตลาดเนื้อเป็ดปรุงสุกไร้กระดูกเมื่อปี 2566
“อุตสาหกรรมอาหารและบริการของออสเตรเลียมีความต้องการสินค้ากลุ่มนี้สูงมาก ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสให้ภาคธุรกิจสัตว์ปีกไทยสามารถขยายตลาดและสร้างความหลากหลายของสินค้าได้มากยิ่งขึ้น” ดร.พงศ์ไท กล่าว พร้อมระบุว่า ฝ่ายออสเตรเลียแจ้งว่าจะสามารถสรุปกระบวนการพิจารณานำเข้าไขมันเป็ดได้ภายในปีนี้
นอกจากประเด็นเรื่องเป็ดปรุงสุก มกอช. ยังได้หารือเชิงรุกเกี่ยวกับ โครงการความร่วมมือด้านความปลอดภัยของสัตว์น้ำและสินค้าเกษตร ได้แก่
-
การจัดการโรคไวรัสในกุ้ง
-
การควบคุมสารชีวพิษในหอยสองฝา
-
มาตรการความปลอดภัยชีวภาพสำหรับการขนส่งระหว่างประเทศ
-
การปรับปรุงเงื่อนไขการนำเข้าผลไม้ไทยหลากหลายชนิด อาทิ มะม่วง มังคุด ลองกอง สับปะรด และลิ้นจี่
พร้อมกันนี้ ยังมีการรายงาน ผลความสำเร็จของระบบแลกเปลี่ยนใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์ (E-Cert) ระหว่างไทยและออสเตรเลีย ที่จะช่วยลดขั้นตอนการส่งออกและเพิ่มความโปร่งใสในระบบการค้าระหว่างประเทศ
อีกหนึ่งประเด็นสำคัญคือ การวางแนวทางความร่วมมือด้าน เกษตรและอาหารอย่างยั่งยืน โดยเชื่อมโยงกับกฎระเบียบใหม่ของสหภาพยุโรปว่าด้วย สินค้าปลอดการตัดไม้ทำลายป่า (EUDR) ซึ่งจะเป็นกุญแจสำคัญในการยกระดับสินค้าเกษตรไทยให้ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดโลก และเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้แก่ประเทศ
“มกอช. จะเดินหน้าผลักดันทุกโอกาส เพื่อให้สินค้าเกษตรไทยเข้าสู่ตลาดต่างประเทศได้มากขึ้น บนพื้นฐานของความปลอดภัย คุณภาพ และมาตรฐานสากล” ดร.พงศ์ไท กล่าวสรุป