03 Sep 2025
“เนื้อไก่ไทย” ยังโตได้! ปี 68 จ่อผลิตแตะ 3.44 ล้านตัน – ส่งออกพุ่ง 4.4 พันล้านดอลลาร์
“เนื้อไก่ไทย” ยังโตได้! ปี 68 จ่อผลิตแตะ 3.44 ล้านตัน – ส่งออกพุ่ง 4.4 พันล้านดอลลาร์ ท่ามกลางศึกราคา-โรคระบาด-เศรษฐกิจโลก
เนื้อหาดูได้ที่:
English (อังกฤษ)
แม้ต้องเผชิญศึกรอบด้าน ทั้งราคาสินค้าคู่แข่งที่ถูกกว่า ความต้องการในตลาดโลกชะลอตัว รวมถึงต้นทุนผลิตที่ยังสูง… แต่ ธุรกิจเนื้อไก่ของไทยในปี 2568 ยังคง “โตได้” อย่างน่าจับตา
คาดการณ์ว่าไทยจะผลิตเนื้อไก่ได้ถึง 3.44 ล้านตัน ขยายตัว 1.3% จากปีก่อน ตามการบริโภคในประเทศที่เริ่มฟื้นตัวอีกครั้ง โดยเฉพาะในช่วงที่ราคาเนื้อสุกรยังอยู่ในระดับสูง และผู้บริโภคหันมาทานไก่เพิ่มขึ้นจากความกังวลเรื่องโรคระบาดในวัว
🛒 ผู้บริโภคเลือกไก่มากขึ้น: โปรตีนสูง ไขมันต่ำ ราคาดี
เนื้อไก่ยังเป็นตัวเลือกยอดนิยมรองจากเนื้อหมู โดยความต้องการบริโภคภายในประเทศปีนี้ คาดว่าจะขยายตัว 0.7% ซึ่งไม่ใช่แค่ราคาถูกกว่า แต่ยังตอบโจทย์สุขภาพและความปลอดภัยในยุคที่โรคระบาดยังเป็นความเสี่ยงในอุตสาหกรรมอาหาร
ด้านราคาหน้าฟาร์มของเกษตรกร คาดว่าจะขยับขึ้นราว 3.5% ตามต้นทุนการผลิตที่ยังสูง แม้อาหารสัตว์เริ่มราคาลดลง แต่ต้นทุนอื่นๆ อย่างระบบฟาร์มและค่าสาธารณูปโภคก็ยังแพงขึ้น
🌏 ตลาดส่งออกโตต่อ แต่แรงส่งเริ่มแผ่ว
ปี 2568 คาดว่า ไทยจะส่งออกผลิตภัณฑ์ไก่ได้ถึง 4,445 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 3.0% จากปีก่อน แต่เป็นการเติบโตที่ “ชะลอลง” จาก 5.7% ในปีที่แล้ว
ไก่แปรรูป ที่คิดเป็นสัดส่วนกว่า 70% ของการส่งออกทั้งหมด ยังเติบโตได้ 3.8% แต่ต้องแข่งราคาอย่างหนัก โดยเฉพาะในตลาดญี่ปุ่น ที่จีนเข้ามาชิงส่วนแบ่งด้วยราคาที่ต่ำกว่าไทยเฉลี่ยถึง 13%
ตลาดสหราชอาณาจักร แม้มีความต้องการเพิ่มขึ้น แต่ก็ผลิตไก่ได้เองมากขึ้นเช่นกัน ขณะที่ ตลาดจีน ยังโตได้ไม่มากจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและการแข่งขันจากรัสเซียที่เร่งส่งออกเข้าตลาดจีนแทนบราซิลและสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม ยังมีข่าวดีจากตลาด ตะวันออกกลาง โดยเฉพาะสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่มูลค่าส่งออกของไทยในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ พุ่งขึ้นกว่า 5 เท่า จากความต้องการไก่ฮาลาลที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
⚔️ ศึกราคา-ต้นทุน-มาตรฐาน กดดันกำไรธุรกิจไก่ไทย
แม้ผู้ผลิตไทยจะได้เปรียบในเรื่องคุณภาพ ความปลอดภัย และการแปรรูปตามออเดอร์ลูกค้าได้แม่นยำ แต่ก็ต้องเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน:
-
ต้นทุนอาหารสัตว์ ยังเป็นปัจจัยหลักที่กดดันกำไร เพราะไทยต้องนำเข้าไม่ต่ำกว่า 60% ของความต้องการ
คู่แข่งสำคัญอย่างบราซิล จีน สหรัฐฯ มีต้นทุนต่ำกว่า ทำให้ราคาส่งออกของไทยสูงกว่าคู่แข่ง
การแข่งขันภายในประเทศ ก็ยังดุเดือด โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ผลิตรายใหญ่ที่ครองตลาดถึง 90%
🚧 ความเสี่ยงข้างหน้า: ต้องเร่งปรับตัว
ธุรกิจผลิตภัณฑ์ไก่ของไทยยังต้องจับตา “ความเสี่ยง” สำคัญ:
-
อุปสรรคทางการค้า ทั้งมาตรการภาษี-ไม่ใช่ภาษี เช่น กฎระเบียบสุขอนามัย สารตกค้าง และ ESG
การพึ่งตลาดญี่ปุ่น-สหราชอาณาจักรสูงเกินไป ทำให้เสี่ยงเมื่อเศรษฐกิจตลาดเหล่านี้ชะลอตัว
การลงทุนในมาตรฐานฟาร์ม และระบบการตรวจสอบที่มากขึ้น อาจเพิ่มต้นทุนระยะยาว
🧭 บทสรุป: ไก่ไทยยังไม่สิ้นหวัง แต่ต้อง “เร่งเกมรุก”
ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงและต้นทุนที่สูงขึ้น ธุรกิจไก่ของไทยยังมีโอกาสโตได้ต่อ หากสามารถพัฒนา “ประสิทธิภาพต้นทุน” “นวัตกรรมสินค้า” และ “ขยายตลาดใหม่” ได้ทันเวลา โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศที่มีความต้องการเพิ่มขึ้น เช่น ตะวันออกกลาง แอฟริกา และแคนาดา
ปี 2568 นี้ ไก่ไทยอาจไม่ใช่แค่ “อาหารจานด่วน” สำหรับผู้บริโภค แต่ยังเป็น “เกมธุรกิจดุเดือด” ที่เต็มไปด้วยกลยุทธ์การแข่งขันในเวทีโลก!
https://www.kasikornresearch.com/th/analysis/k-social-media/Pages/Chicken-Industry-IAO139-FB-26-06-25.aspx