ไทยก้าวหน้า! พัฒนาวัคซีนไข้หวัดนก สร้างความหวังใหม่
สถาบันวัคซีนแห่งชาติได้เปิดเผยความก้าวหน้าในการพัฒนาวัคซีนไข้หวัดนกในประเทศไทย โดยมีการดำเนินการในสองแห่งสำคัญ คือ องค์การเภสัชกรรม (อภ.) ที่ใช้เทคโนโลยีไข่ไก่ฟัก และคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่ใช้แพลตฟอร์ม mRNA คาดว่าการระบาดจะไม่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เว้นแต่จะมีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ที่สำคัญ นพ.นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ กล่าวว่า ไข้หวัดนกมีอัตราการเสียชีวิตสูง และประเทศไทยได้เตรียมแผนรับมือร่วมกับกรมควบคุมโรค โดย อภ. กำลังย้ายการผลิตวัคซีนไปยังโรงงานที่ […]
Available in other languages:สถาบันวัคซีนแห่งชาติได้เปิดเผยความก้าวหน้าในการพัฒนาวัคซีนไข้หวัดนกในประเทศไทย โดยมีการดำเนินการในสองแห่งสำคัญ คือ องค์การเภสัชกรรม (อภ.) ที่ใช้เทคโนโลยีไข่ไก่ฟัก และคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่ใช้แพลตฟอร์ม mRNA คาดว่าการระบาดจะไม่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เว้นแต่จะมีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ที่สำคัญ
นพ.นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ กล่าวว่า ไข้หวัดนกมีอัตราการเสียชีวิตสูง และประเทศไทยได้เตรียมแผนรับมือร่วมกับกรมควบคุมโรค โดย อภ. กำลังย้ายการผลิตวัคซีนไปยังโรงงานที่ จ.สระบุรี เพื่อขอขึ้นทะเบียนใหม่
สำหรับวัคซีนที่พัฒนาจากคณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ กำลังรอผลการทดสอบในสัตว์ทดลอง หากได้ผลดีจะขยายไปทดสอบในมนุษย์ โดยวัคซีน mRNA มีข้อดีในการตอบสนองอย่างรวดเร็วในกรณีเกิดการระบาดรุนแรง
นอกจากนี้ นพ.นคร ยังชี้แจงเกี่ยวกับจำนวนโดสวัคซีนว่าขึ้นอยู่กับลักษณะการระบาด โดยวัคซีนไข้หวัดนกจะถูกใช้ในพื้นที่ที่มีการระบาด รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความเสี่ยง
เขายังเน้นย้ำความสำคัญของการพัฒนาวัคซีนในประเทศ เพื่อเตรียมรับมือกับความเสี่ยงจากไข้หวัดใหญ่และไข้หวัดนก โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ไวรัสอาจเปลี่ยนสายพันธุ์
สุดท้าย นพ.นครกล่าวถึงความกังวลเกี่ยวกับผลข้างเคียงของวัคซีน mRNA ว่าเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณา แต่เมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนผู้ที่อาจป่วยและเสียชีวิตหากไม่ได้ฉีดวัคซีนแล้ว ผลลัพธ์ที่ได้จากการใช้วัคซีนถือว่ามีความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง